วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Inkscape


โปรแกรม Inkscape นี้เป็นเครื่องมือวาดภาพแบบ Vector แบบเดียวกับ Adobe Illustrator ซึ่งภาพแบบ Vector  นั้นก็คือภาพแบบที่ขยายยังไงก็ไม่แตก ส่วนใหญ่น่าจะคุ้นเคยมาแล้วจากบรรดาฟอนต์ True Type และภาพคลิปอาร์ตที่มากับ MS Office นั่นล่ะ เป็นกราฟิกแบบ Vector จับขยายยังไงก็ไม่มีรอยหยัก!!

Inkscapeเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส  สำหรับสร้างและแก้ไขภาพกราฟิกส์เวกเตอร์ สามารถทำงานได้หลายระบบปฏิบัติการ เช่น Windows, Mac OS X และ Unix-likeOS ภาพกราฟิกส์เวกเตอร์ โดยทั่วไปคือคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ที่เกิดจากการกำหนดพิกัดและการคำนวณค่าบนระนาบสองมิติ รวมทั้งมุมและระยะทาง ตามทฤษฎีเวกเตอร์ใน ทางคณิตศาสตร์ ในการก่อให้เกิดเป็น เส้น หรือรูปภาพ ข้อดีคือ สามารถย่อขยายได้ โดยคุณภาพไม่เปลี่ยนแปลง ข้อเสียคือภาพไม่เหมือนภาพจริงเป็นได้เพียงภาพวาด หรือใกล้เคียงภาพถ่ายเท่านั้น ข้อมูลภาพพวกนี้ได้แก่ไฟล์สกุล svg, ps, eps, ai (adobe illustrator) และฟอนต์แบบ TrueType ต่างๆเป็นต้น โปรแกรมที่ใช้สร้างข้อมูลภาพประเภทนี้เช่น Adobe Illustrator , InkScape ในบางครั้ง ภาพ กราฟิกส์เวกเตอร์ยังอาจหมายถึงกราฟิกส์สามมิติอีกด้วย ซึ่ง Inkscape เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Sodipodi ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ในลักษณะเดียวกัน ปัจจุบันนี้ได้พัฒนาไปถึง version 0.46 แล้ว




ที่มา  :  http://www.thaiopensource.org/softwarerecommended/inkscape

โปรแกรม 7-Zip


7-zip เป็นโปรแกรมที่เราสามารถใช้ได้ฟรีและเป็นโอเพ่นซอสต์ ทำให้สามารถใช้งานกันได้ฟรีๆและสามารถพัฒนาโปรแกรมต่อได้เอง ข้อดีคือสามารถรองรับนามสกุลได้หลายนามสกุลและสามารถบีบอัดข้อมูลเป็นแบบนามสกุลต่างๆได้ เว้น winrar ส่วนของ 7zip แล้วจะทำการบีบอัดได้มากกว่า winrar แต่ต้องแลกกับระยะเวลาพอสมควร เมื่อลองเปรียบเทียบกับ winrar ดูแล้วหากบีบอัดไฟล์แข่งกัน  7-zip จะทำได้ดีกว่าแต่ก็ไม่มากเกินไป สรุปแล้วบีบอัดได้มากกว่า winrar ไม่เกิน 10-20%


จุดเด่น
    *
สามารถใช้งานได้ฟรีแบบเต็มรูปแบบ ( ตามเงื่อนไข GNU LGPL License: http://www.nipponanime.net/forum/link.php?referal=http://www.7-zip.org/license.txt )    * มีอัตราการบีบอัดข้อมูลสูงกว่า RAR (LZMA compression)
    *
รองรับการบีบอัด: 7z, ZIP, GZIP, BZIP2 ,TAR    * รองรับการแยกไฟล์: ARJ, CAB, CHM, CPIO, DEB, DMG, HFS, ISO, LZH, LZMA, MSI, NSIS, RAR, RPM, UDF, WIM, XAR ,Z
    *
รองรับการเข้ารหัสแบบ AES-256 ในไฟล์ประเภท 7z, ZIP    * มีให้ใช้งานถึง 74 ภาษา (รวมภาษาไทย)
จุดด้อย
    *
อินเตอร์เฟสค่อนข้างเรียบง่ายเกินไป (ปรับแต่งได้น้อย)
    *
การทำงานบางอย่าง ใช้ทรัพยากรระบบสูงมาก (ทั้ง CPU และ RAM)

ที่มา : http://www.pawoot.com/node/153

โปรแกรม Audacity



โปรแกรม Audacity เป็นโปรแกรมตัดต่อเสียง มีความสามารถในการ บันทึก เล่น ผสม หรือ ใส่เสียง effect ต่างๆได้ Audacity ทำให้คุณสามารถตัดต่อเสียงด้วยการ Cut, Copy, Paste, Undo ได้ไม่จำกัดครั้ง และ ผสมเสียงเข้าด้วยกัน โปรแกรมสามารถบันทึกไฟล์ได้หลาย format ประกอบด้วย WAV, Ogg Vorbis และ AIFF หรือจะใช้ fotmat ของ Audacity ก็ได้


ความสามารถของโปรแกรม  Audacity
Audacity เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในด้านการบันทึกเสียง แก้ไขไฟล์เสียง ตลอดจนการตกแต่งเสียงด้วยเอฟเฟ็คต่างๆ ทำงานได้ทั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Linux ความสามารถหลักๆ ของโปรแกรมนี้ มีดังนี้
Recording
การบันทึกสามารถทำได้จาก ไมโครโฟน เครื่องมิกเซอร์ เครื่องเล่นเสียงจากภายนอก เช่น เครื่องเล่นเทป เครื่องเล่นซีดี-ดีวีดี หรือแหล่งเสียงอื่นๆ อาทิเช่น
-  การบันทึกสียงการด์เสียง (Sound Card) จากวิทยุอินเทอร์เน็ต (Streaming)
-  บันทึกจาก ไมโครโฟน (Microphone) สายสัญญานเสียงเข้า (Line Input) แหล่งเสียงต่างๆ
-  บันทึกเสียงแบบหลายช่อง (Multi-Tracks)
-  บันทึกเสียงได้มากถึง 16 ช่องพร้อมๆกัน (โดยทำงานร่วมกับ Multi-Channel Hardware)  มีเครื่องวัดระดับเสียง ทั้งขณะบันทึก และขณะตัดต่อ
Import and Export
        สามารถนำเข้าไฟล์เสียง แก้ไข หรือผสมผสานกับไฟล์เสียงอื่นๆ หรือร่วมกับไฟล์เสียงที่บันทึกใหม่ และยังสามารถส่งไฟล์ออกไปในรูปแบบต่างๆได้
-   นำเข้าและส่งออกไฟล์เสียงประเภท WAV, AIFF, AU, และ Ogg Vorbis files.
-   นำเข้าไฟล์เสียง MPEG audio (รวมทั้ง MP2 และ MP3) ด้วยการดาวน์โหลดโปรแกรมไลบราลี่เพิ่มเติมที่ชื่อว่า libmad.
-   ส่งออกเป็นไฟล์เสียง MP3s โดยการใช้โปรแกรมไลบราลี่เพิ่มเติมชื่อ LAME encoder library.
-   สร้างไฟล์รูปแบบ WAV หรือ AIFF ที่พร้อมสำหรับการบันทึกลงแผ่นซีดี
-   นำเข้าและส่งออกไฟล์ทุกชนิดที่สนับสนุโดย libsndfile.
-   สามารถเปิดไฟล์ประเภท raw (ซึ่งไม่มีส่วนหัวของไฟล์) audio files โดยการใช้คำสั่ง “Import Raw”
หากท่านเป็นผู้ที่ต้องทำงานเกี่ยวกับการบันทึกเสียง คงทราบดีว่าโปรแกรมบันทึกเสียงคุณภาพดีนั้นมีราคาแพงลิบ แต่วันนี้เราขอแนะนำโปรแกรมโอเพิ่นซอร์สคุณภาพชั้นเยี่ยมที่ชื่อว่า Audacity 1.2.6




วีดีโอสาธิตตัดเสียงร้องออกจาก MP3 ด้วย Audacity

ความสามารถหลักของโปรแกรม Audacity 1.2.6
คือการบันทึกเสียงได้หลายแทร็ก ผสมเสียงระหว่างแทร็กได้ ปรับเอ็ฟเฟ็คต่างๆมากมาย นอกจากจะสามารถปรับแต่งเสียงได้แล้ว ยังสามารถตัดต่อไฟล์เสียงได้อย่างแนบมีประสิทธิภาพ การใช้งานโปรแกรมก็ไม่ง่ายนัก ผู้ที่ยังไม่เคยมีพื้นฐานการทำงานในด้านการบันทึกเสียง ก็คงต้องมาเรียนรู้กันค่อนข้างมาก แต่สำหรับคนที่ต้องทำงานในด้านนี้แล้ว ก็คงจะประหยัดงบที่จะต้องซื้อซอฟต์แวร์ราคาแพงไปได้ค่อนข้างมาก  ซึ่งเป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่น่าใช้เลยทีเดียว




ที่มา :  http://www.thaiopensource.org/softwarerecommended/audacity

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Dairy Queen






ประวัติความเป็นมาของแดรี่ควีน



        ในปี 1940   เจ เอฟ แมคคูลูจ ได้เปิดร้านแดรี่ควีนร้านแรกได้เปิดที่เมือง โจเล็ท มลรัฐอิลินอย ประเทศสหรัฐอเมริกา  สินค้าของเขาทำให้คนอเมริกันหลงใหลในรสชาติแสนอร่อยของ แดรี่ควีน  ซึ่งเขาพบว่า ไอศครีมจะมีรสชาติอร่อยขึ้น  ถ้าทำให้นุ่ม โดยการผลิตใหม่สดจากเครื่อง ไม่แข็งเหมือนไอศครีมแช่แข็งทั่วไป และจากสัญลักษณ์อันโดดเด่น ไอศครีมโคนบอลกลม หัวรูปตัวดี ทำให้ไอศครีมแดรี่ควีนมีเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร  เจ เอฟ แมคคูลูจ ได้รับการขนานนามว่าเป็น ราชินีของธุรกิจผลิตภัณฑ์นมซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Dairy Queen
      ความโดดเด่น (Product Flagship) ของผลิตภัณฑ์ไอศกรีม แดรี่ ควีนว่าเป็นไอศกรีมทรงหัวหอมซ้อนกันวางบนโคนมีรูปตัว ‘D’ อยู่ด้านบน และไอศกรีมบลิซซาร์ดที่ไม่มีร้านไอศกรีมใดในโลกที่จะเสิร์ฟไอศกรีมด้วยการคว่ำถ้วยลงเพื่อยืนยันถึงเนื้อไอศกรีมที่เหนียวนุ่ม และผลิตภัณฑ์ แดรี่ ควีนได้สร้างความแปลกใหม่และหลากหลายให้กับตลาดไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟของประเทศไทยตลอดมา
ปัจจุบันแดรี่ควีน เป็นแฟรนไชส์ไอศกรีมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีร้านแดรี่ควีนทั่วโลกกว่า 6,000 แห่งทั้งในสหรัฐอเมริกา คานาดา ยุโรป  อเมริกากลาง  ตะวันออกไกล ตะวันออกกลาง และแถบเอเชีย  สำนักงานใหญ่ของแดรี่ควีน ตั้งอยู่ที่ เมืองมินิอาโปลิส มลรัฐมินิโซต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา


ร้านแดรี่ควีนร้านแรกในประเทศไทย   ได้เปิดกิจการขึ้นที่ เซ็นทรัลลาดพร้าว โดย Minor Food Group ผู้นำด้านฟาสต์ฟู้ด  เมื่อเดือนมิถุนายน ในปี 1996  นับตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ แดรี่ควีน  สามารถขยายกิจการได้ถึง  200  สาขา   ในเวลาเพียง 11 ปี ปัจจุบัน แดรี่ ควีนเปิดตลาดใน 21 ประเทศทั่วโลก โดยมีจำนวนร้านสาขารวมกันกว่า 5,700 แห่งของแดรี่ควีนทั่วโลก
  
ร้านไอศครีม Dairy Queen ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ เช่น















Dairy Queen ใช้ เครื่องบันทึกเงินสด   เพื่อคำนวณเงินการขาย


Dairy Queen ใช้ กล้องวงจรปิด เพื่อบันทึก ติดตาม และดูการเคลื่อนไหวภายในร้าน



วีดีโอโฆษณาของDairy queen เพื่อกระตุ้นยอดขายและให้รู้จักกับสินค้าใหม่ๆ

เว็ปไซต์ของ Dairy Queen

Dairy Queen มีการสร้างเว็ปไซต์ขึ้น  เพื่อแนะนำสินค้าและเพื่อเป็นสื่อกลางในการติดต่อกับผู้บริโภคและเครือข่ายต่างๆในแต่ละสาขา  เพราะเราสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา  สะดวกต่อการใช้งาน

Dairy Queen ใช้ Facebook เป็นสื่อในการโฆษณาและขายสินค้า
Dairy Queen ใช้ Facebook เป็นสื่อในการโฆษณาและขายสินค้า ต่างก็มีผู้คนมากมายหลายล้านคน ต่างให้ความนิยม และสนใจเข้ามาโพสต์ข้อความ หรือสถานะต่าง ๆ ไว้ใน Facebook และปัจจุบันนี้ไม่ว่า Dairy Queen จะมีสินค้าใหม่ หรือบริการอะไรใหม่ ๆ ต่อไปนี้ลูกค้าก็จะสามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วและทันใจ นอกจากนี้ Facebook ยังสามารถพูดคุย นัดหมายเพื่อน ๆ ให้มาพบปะพูดคุยกันได้อีกด้วย


Dairy Queen Cyber Card via web cam เพื่อกระตุ้นยอดขายและเอาใจคนที่ชอบเล่นเกมส์
Dairy Queen และเกม Auditon  ได้ร่วมมือกัน  ใช้เทคโนโลยี ที่เรียกว่า Augmented Reality และได้ทำการออกโปรโมชั่นไอศครีม Blizzard  แล้วใครที่ซื้อไอศครีม Blizzard ตามที่เค้าทำโปรโมชั่น DQ Cyber Card อยู่ด้วย ก็จะได้รับการ์ดที่เราเรียกว่า DQ Cyber Card นี้กลับบ้านมาด้วย  ซึ่งเราสามารถลุ้นรับ item ในเกม Auditon ได้เลย โดยหากเราต้องการรู้ว่า  เราจะได้ item อะไรนั้น สามารถเข้าไปในเว็บของ Dairy Queen ที่ dq-fanclub.com แล้วก็เอาการ์ดนี้ ส่องกับกล้องเว็บแคมของเรา ก็จะเห็นเป็นตัว item ตัว Dairy Queen ใส่ item ที่เราจะได้ทันที
สุดท้ายนี้ไม่ว่าการดำเนินธุรกิจใด ๆ นั้น ต่างก็ต้องมีการพัฒนา เจริญเติบโตกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้ธุรกิจของตนเองมีผลกำไรตอบแทนสูงสุด แต่การที่จะให้ธุรกิจของตนนั้นประสบความสำเร็จได้ ก็ต้องมีการศึกษา พัฒนา วิจัย และตรวจสอบกันอยู่เสมอ ๆ ทั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจมีความเจริญ ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ธุรกิจจึงต้องนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้เข้ากับธุรกิจของตน เพราะระบบสารสนเทศใช้งานง่าย สะดวกต่อการใช้งาน ช่วยทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ทั้งนี้ก็ทำให้ธุรกิจมีความเจริญก้าวหน้าและเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสิ่งสำคัญคือ เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค  เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความพึงพอใจสูงสุดและกลับมาใช้บริการกับเราอีกค่ะ    








ที่มา : http://www.dq-fanclub.com/main_corporate     
                 http://www.youtube.com/watch?v=4YxsNf-9lwk
           http://www.dairyqueen.com